ประกัน หลายคนมักตั้งคำถามว่าเราจำเป็นต้องทำประกันหรือไม่ หลายคนมักมองไม่เห็นความจำเป็นในการทำประกัน ทำไมต้องมาจ่ายเบี้ยทิ้งเอาไว้ทุกปี เพราะตนเองก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย ส่วนอุบัติเหตุก็มีความระมัดระวังตัวที่ดี ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หรือบางครั้งอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะตนเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเสี่ยงตายอะไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำประกัน แต่บางคนก็มีความสนใจอยากทำประกัน แต่เพราะมีตัวเลือกมากมาย เอกสารมีความยุ่งยาก จนไม่สามารถเลือกทำประกันที่ตรงกับความต้องการของตนเอง จึงยังไม่ได้ทำประกันเป็นต้น ดังนั้นก่อนอื่นจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเหตุใดการทำประกันจึงมีความจำเป็น

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/illustrations/ประกันภัย-ประกันสุขภาพ-ดูแล-7065113/
ความจำเป็นของการทำ ประกัน
ชีวิตไม่มีความแน่นอน ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้อนาคตล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ความแน่นอนในวันนี้ที่ร่างกายยังแข็งแรง สุขภาพดี หลายคนพยายามดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ แต่การกระทำเหล่านั้นก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีโอกาสเจ็บป่วย หรือแม้ว่าคนเราจะใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ทุกวัน ไม่โลดโผนหรือทำอะไรเสี่ยง ๆ ก็ไม่สามารถรับประกันได้เช่นกันว่าจะไม่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ อย่างการลื่นหกล้ม ตกบันได รถเฉี่ยวชน หรือแม้แต่อาการเจ็บป่วยที่เข้าใจว่าเป็นอาการเล็กน้อยที่ไม่น่าสนใจ อาจนำไปสู่การล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรงได้ โดยเฉพาะผู้ที่อายุยังน้อย ครอบครัวไม่มีประวัติการเจ็บป่วยของโรคร้ายแรง จนเกิดความไม่แน่นอนของชีวิตขึ้นมาจริง ๆ และกะทันหันจนไม่สามารถรับมือได้ทัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือล้มป่วยก็ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิต หรือทำงานได้ตามปกติ ยิ่งต้องมีช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้เพื่อรักษาตัว หรือพักฟื้นร่างกาย เกิดความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และการขาดรายได้ซึ่งบางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะยาวนานแค่ไหน เงินเก็บที่เคยเตรียมเอสไว้จะเพียงพอหรือไม่ แต่หากมีการวางแผนทำประกันเอาไว้เสียแต่เนิ่น ๆ เราก็จะมีหลักประกันคุ้มครองการรักษาพยาบาล หรือรายได้ในวันที่เกิดปัญหา สามารถใช้ชีวิตไปต่อได้อย่างราบรื่น ประกันที่ดีจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้ ทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่าใช้จ่ายระหว่างพักฟื้น และเงินชดเชยรายได้ในช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้
การทำประกัน คือการบริหารและวางแผนการเงินที่ดี เบี้ยประกันคือรายจ่ายรูปแบบหนึ่งที่มักมาในลักษณะรายจ่ายประจำปี หลายคนอาจมองว่าเป็นภาระ แต่ในความเป็นจริงแล้วการจ่ายเงินค่าเบี้ยประกัน คือการวางแผนอนาคตที่ดีวิธีการหนึ่ง เรียกว่าเป็นแผนรับมือความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ ก็จะได้หาทางรับมือได้ทัน ยิ่งหากปล่อยให้เกิดปัญหาสุขภาพหรือเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง บริษัทประกันมักไม่รับทำประกันสำหรับโรคนั้น ๆ หรืออาจรับด้วยอัตราเบี้ยประกันที่ราคาสูงขึ้นกว่าปกติ เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเราควรวางแผนอนาคตเอาไว้เสียแต่เนิ่น ๆ เพราะค่าใช้จ่ายเมือ่เกิดปัญหานั้น ไม่สามารถเทียบได้กับค่าเบี้ยประกันที่เราสามารถเลือกวงเงิน และวิธีการชำระได้ตามต้องการอีกด้วย
ความสามารถในการเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม ก่อนตัดสินใจเลือกประกันสักฉบับ ควรมีการตรวจสอบความเหมาะสมกับตนเอง ควรสำรวจวิถีการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ว่าต้องการความคุ้มครองในเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะประกันในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบแบบให้เลือก ตัวอย่างเช่นผู้ที่มีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องเดินทางบ่อย หรือทำงานที่มีความเสี่ยง ควรทำประกันคุ้มครองอุบัติเหตุ แต่หากมีความกังวลเกี่ยวกะบโรคมะเร็งแนะนำให้ทำประกันโรคมะเร็ง หรือประกันสุขภาพก็ได้

ที่มาของรูปภาพ www.pixabay.com/th/photos/ประกันภัย-ตระกูล-ร่ม-บ้าน-รถยนต์-5238829/
การเลือกประกันให้เหมาะสม
เพราะการทำประกันในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ผู้ทำประกันจึงควรเลือกรูปแบบกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพแวดล้อมของตนเองเป็นสำคัญ บางคนอาจมีภาระเลี้ยงดูบุตร บางคนทำงานที่มีความเสี่ยง บางคนก็มีทรัพย์สินมากจนต้องการความคุ้มครองเป็นพิเศษ ปัจจัยทุกอย่างล้วนถูกนำมาพิจารณาเรื่องความคุ้มครองที่ต้องการได้ทั้งนั้น แนวทางการพิจารณาทำประกัน จึงพิจารณาตามความต้องการ และสภาพแวดล้อมของผู้ทำระกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การพิจารณาความเสี่ยง ความเสี่ยงในการใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ทั้งความเสี่ยงจากการทำงาน ซึ่งเกิดจากการเดินทาง ความเกี่ยวข้องกับการเกิดออฟฟิศซินโดรม ยิ่งต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุก็ยิ่งสูงขึ้น หรือลักษณะรูปแบบงานมีความอันตราย อย่างวิศวกรรมที่จะต้องไปตรวจงานบนที่สูง หรืองานนักข่าวที่ต้องออกพื้นที่ภาคสนาม เป็นต้น การทำประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตจึงมีความจำเป็นมากขึ้น หรือความเสี่ยงด้านสุขภาพ: เพราะไม่ว่าในปัจจุบันจะมีการดูแลสุขภาพดีแค่ไหน แต่ความเสี่ยงในโรคภัยต่าง ๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การทำประกันสุขภาพไว้ล่วงหน้านับเป็นวิธีการที่ดีสามารถแบ่งเบาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่หารายได้หลักของครอบครัว แนะนำว่าควรทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครอง เพราะกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรืออุบัติเหตุ จนไม่สามารถทำงาน หรือมีเหตุให้ขาดรายได้ คนในครอบครัวก็จะไม่ลำบาก โดยทุนกรมธรรม์ควรเพียงพอให้คนข้างหลังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หรือมีเวลาตั้งตัวได้ แต่เบี้ยกรมธรรม์ควรอยู่ในอัตราที่ส่งไหวด้วย และการเลือกทำกรมธรรม์ตามความเสี่ยงเฉพาะเช่นการทำประกันภัยรถยนต์ ระกันอัคคีภัย หรือวินาศภัย เป็นต้น
- พิจารณารายได้ เนื่องจากการทำประกันนั้นถือเป็นหนึ่งในการออมที่หลายคนนิยมใช้กัน เพราะนอกจากจะช่วยให้เก็บเงินก้อนได้สำเร็จ ยังเป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีความเสี่ยงอีกด้วย แต่บางคนอาจเลือกทำกรมธรรม์ด้วยวงเงินที่สูงเกินไป ส่งผลให้เบื้ยประกันกลายเป็นภาระที่กระทบกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ได้ ดังนั้นควรพิจารณารูปแบบการทำกรมธรรม์เพื่อการออมให้ดี กรณีกรมธรรม์ระยะสั้นอาจเลือกทำตามกำลังเงินที่มีในขณะนั้นได้ทันที แต่หากเป็นกรมธรรม์ระยะยาวแนะนำให้เลือกจ่ายเบี้ยประมาณ 10-20% ของรายได้เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินมากเกินไป
- การพิจารณา ความน่าเชื่อถือของบริษัท และตัวแทนหรือนายหน้าขายกรมธรรม์ ควรเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ และมีตัวแทนประกันที่มีเอกสารสัญญาชัดเจนเชื่อถือได้ สามารถติดต่อได้เมื่อถึงเวลาสำคัญ
การเลือกประกันที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ทำกรมธรรม์เป็นสำคัญ พิจารณาความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และรายรับที่เหมาะสมกับกรมธรรม์นั้น ๆ เพราะกรมธรรม์ที่ดีที่สุดอาจไม่ได้พิจารณจากเบี้ยประกันที่สูงที่สุด แต่เป็นกรมธรรม์ที่สอดคล้องกับตัวผู้ทำประกันเองมากกว่า
