
บัตรเครดิตคือ ในยุคนี้หลายคนคงรู้จักกับบัตรเครดิต หนึ่งรูปแบบของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เรียกได้ว่ามีคุณประโยชน์ขั้นเทพ เป็นตัวช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนเงินสด ให้คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นบัตรที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของผู้คนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
บัตรเครดิตคือ ถือเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตร (Issuer) ซึ่ง หมายถึง ธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ออกให้แก่ลูกค้า (เรียกลูกค้าว่า ผู้ถือบัตร หรือ Card Holder นั้นเอง ) เพื่อให้สามารถใช้จ่ายแทนเงินสดได้ โดยบัตรเครดิตนั้นจะมีวงเงินหรือยอดเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ถือบัตรสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันแทนเงินสดได้ และมีการกำหนดชำระเงินให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินในภายหลัง สรุปคือใช้ก่อนจ่ายทีหลัง และเรียกเก็บ ตามรอบบัญชีในแต่ละเดือนตามที่กำหนด สำหรับบัตรเครดิตที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น วีซ่า มาสเตอร์การ์ด เจซีบี ยูเนี่ยนเพย์ อเมริกันเอกซ์เพรส เป็นต้น ซึ่งบัตรเครดิตจากทุกบริษัทสามารถใช้ได้ตามจำนวนวงเงินบัตรที่อนุมัติหักออกด้วยค่าสินค้าและบริการที่ใช้จ่ายผ่านบัตร ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และหนี้สินคงค้างที่ยังไม่ได้ชำระ

ประเภทของ บัตรเครดิตคือ
บัตรเครดิตสามารถจำแนกตามรูปแบบการใช้งานได้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. บัตรเครดิตเพื่อธุรกิจ (Business Card/Corporate Card) เป็นบัตรเครดิตที่ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตออกให้ตามความประสงค์ และคำขอของหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ หรือบริษัท โดยทางหน่วยงาน หรือบริษัทที่ขอบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต
2. บัตรเครดิตร่วม (Co–Branded) เป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารร่วมกับบริษัท หรือร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกัน เพื่อให้ผู้ถือบัตรเครดิตได้รับส่วนลด หรือสิทธิพิเศษจากการใช้บัตรที่บริษัท หรือร้านค้านั้นๆ
นอกจากนี้บัตรเครดิตยังจำแนกตามระดับของสิทธิประโยชน์ได้ ดังนี้
“บัตรพื้นฐาน คลาสสิค” เป็นบัตรพื้นฐานที่ผู้เริ่มใช้บัตรเครดิต สมัครแล้วจะได้รับเป็นบัตรนี้ เพราะฐานเงินเดือนที่ใช้ในการสมัครน้อยกว่า ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตประเภทอื่น ๆ
“บัตรระดับกลาง โกลด์” เป็นบัตรเครดิตสำหรับผู้สมัครที่มีฐานรายได้สูงกว่าบัตรพื้นฐาน และจะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ซึ่งอาจจะมากกว่าบัตรเครดิตพื้นฐาน โดยการแยกตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน อย่างเช่น บัตรจำพวกเฉพาะสำหรับผู้หญิง เป็นต้น
“บัตรระดับสูง ไทเทเนี่ยม” เป็นบัตรเครดิตที่ให้สิทธิพิเศษมากมาย และผลประโยชน์เกินคาดกับผู้ที่ถือบัตรเครดิตสูงกว่าบัตรเครดิตทั้ง 2 ประเภทแรก ยกตัวอย่างเช่น สามารถเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยให้ด้วย แต่ก็อาจจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าด้วยเช่นกัน
“บัตรระดับ Exclusive” เป็นบัตรเครดิตที่กำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้สมัคร ว่าต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่าที่กำหนด หรือสินทรัพย์ของผู้ถือบัตรสูงที่สุด พร้อมทั้งสามารถให้สิทธิพิเศษและผลประโยชน์แก่ผู้ถือบัตรมากที่สุด อย่างเช่น การคุ้มครองประกันภัยวงเงินสูง สิทธิประโยชน์บางอย่างที่พิเศษกว่าบัตรอื่น ๆ เช่น ใช้ Executive Lounge ที่สนามบินได้ แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียมรายปีสูงที่สุดด้วยเช่นกัน
วงเงินบัตรเครดิต
กรณีที่พิจารณาจากรายได้ของผู้ขอบัตรเครดิต วงเงินที่ได้รับอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้
1. รายได้ต่อเดือน 15,000 บาท แต่น้อยกว่า 30,000 บาท จะได้รับอนุมัติวงเงินอยู่ที่ 1.5 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
2. รายได้ต่อเดือน 30,000 บาท แต่น้อยกว่า 50,000 บาท จะได้รับอนุมัติวงเงินอยู่ที่ 3 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
3. รายได้ตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป จะได้รับอนุมัติวงเงินอยู่ที่ 5 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
การคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
ผู้ออกบัตรจะเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยมีวิธีคำนวณ 2 แบบตามการใช้บัตรดังนี้
1. การชำระค่าสินค้าและค่าบริการไม่เต็มจำนวนภายในวันที่กำหนดหรือชำระล่าช้า ผู้ออกบัตรสามารถคิดกำหนดดอกเบี้ยตามการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรได้สำรองจ่ายให้ร้านค้า หรือตั้งแต่วันที่สรุปยอดรายการใช้จ่าย หรือตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระก็ได้แต่โดยทั่วไปจะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรสำรองจ่ายเงินให้แก่ร้านค้า ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คิดเต็มจำนวนจนถึงวันก่อนครบกำหนดชำระเงิน และคิดตามยอดคงค้าง (หักส่วนที่ชำระแล้วออก) นับจากวันที่ชำระจนถึงวันสรุปยอดถัดไป
2. การเบิกถอนเงินสด จะเริ่มคำนวณตั้งแต่วันที่เบิกถอนเงินสดออกมา
นอกจากนี้ อาจมีค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของผู้ออกบัตรแต่ละแห่ง เช่น
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งเราสามารถต่อรองกับผู้ออกบัตร เพื่อขอยกเว้นการเรียกเก็บได้
– ค่าธรรมเนียมในการชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ
– ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านบัตรเครดิต
– ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินในการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศ 2 – 2.5 % ของอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิง
– ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ในกรณีที่มีการชำระเกินระยะเวลาที่กำหนด
การชำระหนี้บัตรเครดิต
ผู้ถือบัตรต้องชำระหนี้ขั้นต่ำในแต่ละงวดไม่น้อยกว่า 10 % ของยอดคงค้างทั้งสิ้น โดยอาจชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น
– สาขาของสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต
– จุดบริการรับชำระเงินที่เป็นตัวแทนรับชำระ (บริการ Bill Payment) เช่น สาขาธนาคารอื่น Pay@Post เคาน์เตอร์เซอร์วิส
– สามารถชำระผ่านช่องทางอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น เครื่องเอทีเอ็ม(ATM) อินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้ง (internet Banking) ข้อตกลงให้หักจากบัญชีเงินฝาก (Debit Transfer)

ข้อดีของบัตรเครดิต
1. พกพาง่ายและสะดวกในการใช้งาน
2. สามารถเป็นเจ้าของสินค้าได้ทันทีเมื่อต้องการ
3. ได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกบัตร
4. มีคะแนนสะสมจากการใช้จ่ายผ่านบัตร เพื่อแลกรับของสมนาคุณต่างๆ
5. สามารถชำระค่าบริการต่าง ๆ ผ่านบัตรได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และอื่น ๆ โดยทางอินเตอร์เน็ตได้โดยสะดวก
6. ผู้ออกบัตรจะให้เวลาในการชำระคืนประมาณ 45-60 วัน ซึ่งทำให้เรามีเวลาในการหมุนเงินได้เป็นอย่างดี
7. การชำระหนี้คืน สามารถทยอยจ่ายคืนได้ โดยจะเลือกจ่ายในอัตราขั้นต่ำหรือสูงกว่าอัตราขั้นต่ำก็ได้
8. สามารถที่จะกดเงินสดผ่านบัตรจากตู้ ATM ได้จากทุกธนาคาร ในกรณีฉุกเฉิน
9. บัตรเครดิตแต่ละค่ายจะมีบริการส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรให้อีกมากมาย เช่น คืนเงินเมื่อเราได้ใช้จ่ายถึงวงเงินที่กำหนดไว้เป็น % หรือเป็นของกำนัล
10. ผ่อนชำระสินค้าได้นานขึ้น สินค้าที่ร่วมรายการจะมีอัตราดอกเบี้ย 0% ในระยะเวลาที่กำหนด
ข้อเสียของบัตรเครดิต
1. ทำให้บางครั้งเกิดการจ่ายเกินตัว หรือจ่ายแบบไม่ทันคิด เนื่องจากความสะดวกสบายในการใช้จ่าย
2. ดอกเบี้ยจากการใช้บัตรอาจเพิ่มขึ้นได้ถ้าเราไม่สามารถใช้คืนได้ตามกำหนดเวลา
3. การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นการใช้จ่ายที่มีดอกเบี้ยที่สูง หากไม่รีบชำระคืนจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ ก็อาจเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้ในเวลาที่ไม่นาน
4. บัตรเครดิตบางค่ายอาจมีเงื่อนไขการรับสมัครที่ยุ่งยาก และมีการกำหนดคุณสมบัติไว้สูง ซึ่งทั้งนี้เพื่อป้องกันผู้ใช้มิให้เกิดเป็นหนี้เสียในภายหลัง
บัตรเครดิต เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านการเงินให้กับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเหล่าวัยทำงานที่มีค่าใช้จ่ายที่มากมายรออยู่ทุกๆ เดือน ซึ่งอาจจะทำให้การใช้จ่ายของเราติดขัดได้ สำหรับคนที่มีบัตรเครดิต และรู้จักการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์นั้น บัตรเครดิตก็จะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของเราได้ แต่ถ้าใช้ผิดวิธีอาจจะเป็นข้อเสียที่สร้างหนี้ให้เราได้เช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิงจาก