
ซื้อกองทุน ปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจและใส่ใจเรื่อง กองทุน รวมกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากวิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เราสามารถออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยสร้างผลกำไรและมีความเสี่ยงน้อยกว่า การออมรูปแบบการลงทุนชนิดอื่น ๆ สำหรับมือใหม่ มีเทคนิคในการเลือกซื้อมีดังนี้
ซื้อกองทุน รู้จักประเภท กองทุน รวม
เพื่อให้การลงทุนของเราเหมาะสมและมีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการได้สูงสุด ซึ่งในปัจจุบัน ประเภทของการลงทุนถูกจัดตามระยะความเสี่ยง
- ความเสี่ยงระดับที่ 1 รวมตลาดเงินในประเทศ
- ความเสี่ยงระดับที่ 2 รวมตลาดเงินต่างประเทศ
- ความเสี่ยงระดับที่ 3 รวมพันธบัตรรัฐบาล
- ความเสี่ยงระดับที่ 4 รวมตราสารหนี้
- ความเสี่ยงระดับที่ 5 รวมผสม
- ความเสี่ยงระดับที่ 6 รวมตราสารทุน
- ความเสี่ยงระดับที่ 7 รวมตามหมวดอุตสาหกรรม
- ความเสี่ยงระดับที่ 8 รวมทางเลือก
- สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเลือกลงทุน
สิ่งที่เราต้องเข้าใจก่อนเลือกลงทุน คือค่า NAV หรือ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value) เนื่องจาก NAV เป็นมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด ตลอดจนผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เราจะได้รับหากเลือกลงทุน ซึ่งมูลค่าที่แสดงทั้งหมดจะถูกลบออกด้วยค่าใช้จ่ายและหนี้สินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปกติการคำนวนนี้จะถูกคิดคำนวณตามมูลค่าที่แปรผันไปตามตลาดในแต่ละวันเพื่อให้ผู้ลงทุนได้เห็นสภาพคล่องของเงินที่ไหลเวียนภายใน กองทุน อย่างแท้จริง

- เทคนิคในการเลือก กองทุน รวม
วิธีง่าย ๆ ที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้ดีที่สุด คือการคัดกรองด้วย S-R-F
- S: Style ต้องมีนโยบายในการลงทุนที่เหมาะกับเรา
สิ่งแรกที่เราจำเป็นต้องเข้าใจคือ การลงทุนในครั้งนี้เราเลือกที่จะเอาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหน เช่น หุ้นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ หุ้นเติบโต หุ้นในประเทศ หรือหุ้นต่างประเทศ เพื่อคำนวณสัดส่วน ความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ ตลอดจนการปันผลได้อย่างเหมาะสม
- R: Return ต้องมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ
สิ่งที่เราควรพิจารณาลำดับถัดมาคือ การลงทุนครั้งนี้เราต้องสามารถตรวจสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังได้ต้องแต่ 3 เดือน จนถึง 5 ปี หรือตั้งแต่จัดตั้งขึ้น เพื่อเปรียบเทียบดัชนีชี้วัด (Benchmark) และการให้ผลตอบแทน ว่ามีความสม่ำเสมอมากน้อยเพียงใด
- F: Fee ต้องมีค่าธรรมเนียมต่ำ
ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เราต้องตรวจสอบและคำนวณให้ดี เนื่องจากการหักค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป อาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า ดังนั้นการเลือกค่าธรรมเนียมต่ำ ๆ ในช่วงเริ่มต้น จะช่วยทำให้เราสามารถบริหารจัดการผลกำไรจากการลงทุนได้ดีและง่ายมากขึ้นนั่นเอง

4. วิธีติดตามผลกำไร
ในยุคปัจจุบันเราสามารถเลือกซื้อและติดตามผลกำไรได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะรายงานผลการดำเนินงานโดย บลจ. เพื่อให้ผู้ลงทุนทราบผลกำไรที่เป็นไปในปัจจุบัน ซึ่งการติดตามผลกำไรจะช่วยเพิ่มโอกาสและลดความเสี่ยงเรื่องการขาดทุนได้อย่างดี
5. งบประมาณที่ควรจัดเตรียมไว้เพื่อลงทุน
สำหรับงบประมาณที่ควรจัดเตรียมไว้เพื่อลงทุนควรอยู่ที่ประมาณ 10,000 ถึง 15,000 บาท เพื่อให้เราได้รับผลตอบแทนแบบเต็มจำนวนและสามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างทั่วถึง ตลอดจนเข้าถึงแหล่งลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูง
กองทุน รวม เป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยทำให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยง ตลอดจนออมเงินให้เงินที่ออมงอกเงยสร้างผลกำไรให้กับเราได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถเลือกความเสี่ยงในการลงทุนได้ตามความเหมาะสมของตัวเราเองได้ อย่างไรก็ตามการลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเสมอเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเราเองด้วย
แหล่งอ้างอิง
https://www.freepik.com/free-photo/stack-money-coin-with-trading-graph_5508873.htm#query=fund&position=8&from_view=search
https://www.freepik.com/free-photo/earnings-funds-quotes-hand-profits-accountant_1236174.htm#query=fund&position=33&from_view=search
https://www.freepik.com/free-photo/business-man-counting-dollar-banknote-online-business-concept_3805663.htm#query=fund&position=49&from_view=search